กรรมของคนโกหก 1243

หลวงพ่อมหาเทพ พระมหานรินทร์เทพ กำลังรดน้ำถวายพระพุทธรูป

กรรมของคนโกหก


วจีกรรมที่หนักหนา: ผลแห่งการมุสา

     ในบรรดากรรมทั้งหลายที่มนุษย์สร้างขึ้น “วจีกรรม” หรือกรรมจากการพูด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุดและบ่อยครั้งที่สุด แต่หลายคนอาจประเมินพลังของคำพูดต่ำเกินไป โดยเฉพาะ “มุสาวาท” หรือการกล่าวคำเท็จ ซึ่งเป็นหนึ่งในศีล 5 ข้อพื้นฐานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ การโกหกไม่เพียงแต่ทำลายความสัมพันธ์และความไว้วางใจ แต่ยังเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งวิบากกรรมอันหนักหน่วงที่จะติดตามผู้กระทำไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ดังจะอธิบายเป็นหัวข้อต่อไปนี้


1. ผลกรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน: ไฟเผาใจในชาตินี้

     ก่อนที่ผลกรรมจะส่งผลในภพหน้า ผู้ที่พูดเท็จอยู่เป็นนิจจะได้รับผลกระทบในชีวิตปัจจุบันทันที เปรียบเสมือนการจุดไฟเผาตนเองในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

  • สูญเสียความน่าเชื่อถือ: สิ่งแรกที่มลายหายไปคือ “สัจจะ” และความไว้วางใจจากคนรอบข้าง เมื่อถูกจับได้ว่าพูดเท็จ คำพูดในครั้งต่อๆ ไปก็จะไร้น้ำหนัก ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ทำให้กลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวและขาดมิตรแท้
  • จิตใจที่ร้อนรุ่ม: ผู้ที่โกหกจะไม่มีวันพบกับความสงบทางใจ จิตใจจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกจับได้ ต้องคอยสร้างเรื่องโกหกใหม่ๆ เพื่อปกปิดเรื่องเก่า กลายเป็นวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
  • ปิดกั้นหนทางสู่ความดี: การโกหกจนเป็นนิสัยจะบั่นทอนกำลังใจในการทำความดีอื่นๆ เพราะจิตใจที่คุ้นชินกับการบิดเบือน ย่อมยากที่จะตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริตซึ่งเป็นพื้นฐานของกุศลธรรมทั้งปวง

2. วิบากกรรมในสัมปรายภพ: ทุคติภูมิอันน่าสะพรึง

     พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงผลกรรมของมุสาวาทไว้อย่างชัดเจนในพระไตรปิฎก ว่าเป็นกรรมหนักที่สามารถนำผู้กระทำไปสู่ทุคติภูมิหรือภพภูมิที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

  • การเกิดในนรกภูมิ: กรรมหนักจากการโกหกที่สร้างความเสียหายร้ายแรง หรือการโกหกต่อผู้มีพระคุณ สามารถนำไปสู่ โรรุวมหานรก ขุมนรกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟร้อนระอุ สัตว์นรกจะถูกนายนิรยบาลใช้อาวุธแหลมคมทิ่มแทงปากและลิ้นให้ได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสยาวนาน
  • การเกิดเป็นเปรตและอสูรกาย: ผู้มีกรรมจากมุสาวาท อาจไปเกิดเป็นเปรตผู้มีความหิวโหยอยู่ตลอดเวลา หรือเกิดเป็นอสูรกายที่มีแต่ความเดือดร้อนและทุกข์ใจ
  • การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน: หากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็มักจะเป็นสัตว์ที่ถูกมนุษย์รังเกียจ หรือมีชีวิตที่ลำบากยากแค้น

3. เศษกรรมเมื่อได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์

     แม้จะชดใช้กรรมในทุคติภูมิแล้ว และได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เศษของวิบากกรรมจากการพูดเท็จก็ยังคงติดตามมาส่งผลในชาตินั้นๆ

  • ถูกใส่ร้ายป้ายสี: จะกลายเป็นผู้ที่มักจะถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นจริงอยู่เสมอ ถูกใส่ความให้ได้รับความเดือดร้อนและเสื่อมเสียชื่อเสียง แม้จะพูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่อ
  • มีกลิ่นปากรุนแรง: ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เศษกรรมอย่างหนึ่งของผู้ที่พูดเท็จคือ การมีกลิ่นปากที่เหม็นอย่างรุนแรง เป็นที่รังเกียจของผู้คน
  • ชีวิตไม่เจริญก้าวหน้า: การงานหรือกิจการใดๆ ก็ตามที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ มักจะประสบกับอุปสรรคและไม่ประสบความสำเร็จ เพราะขาดความไว้วางใจจากผู้อื่น

บทสรุป: สัจจะวาจาหนทางแห่งความเจริญ

จะเห็นได้ว่า การโกหกแม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นการสร้างโซ่ตรวนแห่งทุกข์ที่ผูกมัดตนเองไว้ไม่จบสิ้น การตั้งมั่นอยู่ใน “สัจจะ” หรือความจริง จึงไม่ใช่เพียงการรักษาศีลเพื่อใคร แต่คือการสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคงและสงบสุขให้แก่ตนเอง วาจาที่สัตย์จริงจะนำมาซึ่งความไว้วางใจ มิตรภาพที่ดี และความเจริญรุ่งเรืองทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังนั้น จงเลือกใช้วาจาให้เป็นดั่งประทีปนำทางชีวิต มิใช่คบเพลิงที่เผาทำลายตนเอง.